สูตรกำหนดค่าแรง-เงินพิเศษ ให้พนักงาน
หนึ่งในปัญหาคลาสสิคของคนทำร้านอาหารคือ “ขาดแคลนพนักงาน” หลาย ๆ ร้านถึงกับต้องปิดให้บริการเพราะพนักงานหยุด หรือ ลาออก ซึ่งหนึ่งในสาเหตุการลาออกของพนักงานคือ ถูกซื้อตัว หรือ ร้านอื่นให้ค่าจ้างสูงกว่า ดังนั้น ในการกำหนดค่าแรง รวมถึงเงินพิเศษให้พนักงาน ผู้ประกอบการต้องคำนึงถึงการแข่งขันในตลาดด้วย แต่ก็ต้องอยู่บนพื้นฐานต้นทุนแรงงานไม่สูงมากไปจนกระทบต่อผลประกอบการด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงต้องมีสูตรในการกำหนดค่าแรงพนักงานเพื่อเป็นแนวทาง ดังนี้
ตัวอย่างค่าแรงพนักงานร้านอาหาร (สำหรับพอแข่งขันได้ในเขตกทม.)
- พนักงานประจำเสิร์ฟและครัว เริ่มต้น เงินเดือน “รวม” = 11,000 บาท (อาจเป็นเงินเดือน 10,000 + Tip + เบี้ยขยัน)
- พนักงานประจำเสิร์ฟและครัว ที่มีประสบการณ์ เงินเดือน “รวม” = 12,000 – 13,000 บาท
(ตัวเลขนี้เป็นค่าแรงใน กทม.กรณีจังหวัดอื่น ๆ ผู้ประกอบการควรสำรวจในพื้นที่โดยดูจากประกาศรับสมัครงานตำแหน่งต่าง ๆ จะมีอัตราแจ้งบอกไว้นำข้อมูลนั้นมาตั้งต้นคิด)
ค่าแรงควรอยู่ระดับใด?
ก่อนอื่นควรวางตำแหน่งพนักงานในร้านก่อนว่ามีตำแหน่งหลัก ๆ อะไรที่ต้องใช้จริงบ้าง จากนั้นมาใส่เงินเดือนแต่ละตำแหน่ง โดยพิจารณาให้เงินเดือนพนักงานอยู่ในเกณฑ์ที่พอแข่งขันได้ในตลาด
เมื่อได้ข้อแรกแล้ว ให้ประมาณการณ์ยอดขายในแต่ละเดือนที่เป็นไปได้ โดยให้ค่าใช้จ่ายค่าแรงอยู่ที่ 15-18% ของรายได้ เช่น ขายได้เดือนละ 1 ล้านบาท ค่าแรงทั้งร้านควรอยู่ระหว่าง 150,000– 180,000 บาท นำข้อมูลแต่ละตำแหน่งงานมาลองวางดูว่าเงินเดือนเกินหรือไม่ ควบคุมไม่ให้เกิน 18% ของรายได้ หรือ ถ้าจะเกินเต็มที่ต้องไม่หลุด 20%
ลองเดินสำรวจราคาพนักงานตามห้างฯ ในพื้นที่จะช่วยให้รู้ว่าร้านอาหารแต่ละร้านจ้างกันที่เดือนละเท่าไหร่ มีสวัสดิการอะไรบ้าง
สวัสดิการที่ควรมี
คำว่าควรมีหมายความว่าไม่มีก็ได้ แต่ถ้ามีก็จะดีกว่า เพราะช่วยสร้างแรงจูงใจให้กับพนักงานโดยสวัสดิการที่ควรมี ได้แก่
- เบี้ยขยัน : เดือนละ 500 บาท พนักงานจะต้องไม่ ป่วย สาย ขาดงาน หรือลากิจ ในเดือนนั้น ๆ ถึงจะได้ 500 บาท แต่ถ้าป่วยหรือสาย ไม่เกิน 1 ครั้ง ให้ 300 บาท เป็นต้น
- สวัสดิการค่ารถ/ค่าอาหาร : ให้วันละ 40-50 บาท โดยให้เฉพาะวันที่มาทำงานตรงต่อเวลา ไม่สลับรอบการทำงานเท่านั้น
- Incentive รายเดือน : หากพนักงานทุกคนช่วยกันดันยอดขายให้ได้ตามเป้าที่ตั้ง รับเงินรางวัลไปเลย X,XXX บาท/สาขา (เช่น ปกติขายได้เดือนละ 300,000 บาท ตั้งเป้าไว้ที่ 330,000 บาท ทำได้รับไปเลย 5,000 บาทไปแบ่งกัน)
แต่การให้ Incentive จากยอดขายต้องคำนึงด้วยว่า ให้ไปแล้วกำไรลดลงหรือเพราะ Incentive ที่ให้จากยอดขายยังไม่หักค่าใช้จ่ายอื่น ๆ
- วันหยุดในวันเกิด : วันเกิดพนักงาน ทางร้านให้หยุดได้เลยฟรีอีก 1 วันจากวันหยุดปกติ และมีเค้กให้เป่า หรือของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ
ทั้งหมดนี้เป็นแนวทางกำหนดค่าแรงและเงินพิเศษให้กับพนักงาน อาจไม่ได้มีกฎเกณฑ์ตายตัว โดยเฉพาะในส่วนของสวัสดิการ ผู้ประกอบการต้องดูตามความเหมาะสมในเขตพื้นที่ตั้งร้าน แต่สิ่งที่อยากจะฝากถึงผู้ประกอบการก็คือ พนักงานเป็นส่วนสำคัญของธุรกิจ ไม่มีพนักงานธุรกิจก็ดำเนินไปไม่ได้ ดังนั้นการเอาใจเขา ใส่ใจเรา คือหลักการสำคัญ